วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พิธีทำบุญของชาวล้านนาที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล ประเพณีตานก๋วยสลาก ลำปาง

      ความร่มเย็นเป็นสุของชาวล้าน สะท้อนออกมาเป็นประเพณีตานก๋วยสลาก ที่สืบทอดกันมายาวนาน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
 
                ประเพณีตานก๋วยสลาก คือ การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นประเพณีเก่าแก่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่พระพุทธเจ้ายังคงมีพระชนม์อยู่ ตานก๋วยสลาก หมายถึง ประเพณี ถวายทานสลากภัต ถือเป็นการถวายเครื่องไทยทายแด่พระสงฆ์ และเป็นประเพณีที่นิยมของชาวเหนือ โดยทั่วไปก่อนวันตานก๋วยสลากหนึ่งวัน ชาวบ้านจะจัดทำพิธีเตรียมสิ่งของไทยทาน ซึ่งเรียกวันนี้ว่าวันดา ชาวบ้านจะบรรจงจัดเครื่องไทยทานลงใน ก๋วย แปลว่า ตะกร้า หรือ ชลอมขนาดเล็ก ที่สานด้วยไม้ไผ่ จากนั้นจะนำข้าวสารอาหารแห้ง บรรจุลงไป แล้วตกแต่งเครื่องไทยทาน ให้เป็นต้นกัลปพฤกษ์ ซึ่งทำด้วยไม้ไผ่ยาว นำมาเหลา และทำเป็นวงกลมซ้อนกันเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นจะนำสิ่งของที่เป็นเครื่องไทยทานมาผูกติดให้สวยงาม  ด้านบนสุดจะนิยมนำร่มมาเสียบไว้ และใช้ธนบัตรผูกติดตามขอบร่ม เพื่อน้อยถวายแด่พระภิกษุสงฆ์อันเป็นเนื้อนาบุญ

                การทำบุญแบบสลากภัตนี้ ถือเป็นการทำบุญแบบไม่เจาะจง เมื่อเตรียมสิ่งของเสร็จแล้ว ก็จะนำไปถวายวันในวันรุ่งขึ้น พร้อสำรับกับข้าว แล้วติดชื่อหรือสลากเอาไว้ เมื่อพระสงฆ์องค์ใดจับได้ของใคร ก็จะมีการประเคนของตามสลาก เมื่อพระท่านฉันเสร็จแล้ว จึงอนุโมทนาแล้วให้พรเจ้าภาพ พร้อมอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็จะเสร็จพิธีถือเป็นประเพณีที่ดีงาม และได้สืบทอดต่อกันมาอย่างยั่งยืน

อร่อยประจำถิ่น
·        ร้านอาหารพื้นเมืองลำปางที่อร่อยมากๆ ชื่อร้านคำหวาน มี แหนมสด แกงโฮะ ลาบเหนือ หมูแดงตากแห้งทอด โดยเฉพาะ หมูยอ และหมูแดงทอด มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ถ้าเป็นข้าวซอยต้องร้านข้าวซอยซุปเปอร์ สี่แยกทางเข้าสนามบินบนถนน ซุปเปอร์ไฮเวย์ น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ต้องร้านคุณถนอม ตลากอัศวิน ไส้อั่ว แกงฮังเล ต้องร้าน แม่แห ถนนอุปราช

รู้ก่อนเดินทาง
·        ระยะเวลาการทำบุญที่นิยมทำบุญตานก๋วยสลาก คือ ราวๆ เดือนกันยายน-พฤศจิกายนของทุกปี (บางแห่ง อาจจะจัดก่อนหน้าวันเวลาดังกล่าวนี้ แต่ก็ห่างไม่มาก)


ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

READ MORE - พิธีทำบุญของชาวล้านนาที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล ประเพณีตานก๋วยสลาก ลำปาง

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ผจญภัยในทุ่งกว้าง ตามแบบวิถีคาวบอยไทย ฟาร์มโชคชัย นครราชสีมา

เมื่อภาพของคนโลดแล่นบนหลังม้า ต้อนฝูงวัวบนทุ่งกว้างใหญ่ มิใช่เพียงความฝันของเด็กๆ อีกต่อไป เพราะทีฟาร์มโชคชัย คุณจะได้ผจญภัยเรียนรู้วิถีคาวบอยไทยและใช้เวลาสุขสันต์ร่วมกันได้ทั้งครอบครัว
 
                ในบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยป่าเขา ที่โอบกอดทุ่งหญ้าผืนใหญ่อันอุดม เหมาะแก่การทำฟาร์มวัวยิ่งนัก ฟาร์โชคชัย จึงเปิดบ้านต้อนรับทุกครอบครัว ที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตในฟาร์มด้วยความอบอุ่นทุกคนจะได้เรียนรู้การรีดนมวัวด้วยตัวเอง ได้เห็นขั้นตอนว่า....กว่าจะเป็นน้ำนมนั้น ไม่ธรรมดาเอาเสียเลยพร้อมกับชมและร่วมสนุกในการทำไอศครีมนมแบบง่ายๆ ตำรับ ฟาร์มโชคชัย และยังมีบริการฟาร์มทัวร์นำพาทุกครอบครัวไปสนุกกับวิถีคาวบอยในทุ่งกว้าง มีฟาร์ม้าแคระให้เด็กๆ ได้ตื่นเต้น และสนุกไปกับการแสดงอันแสนรู้ของสัตว์นานาชนิด ที่จะมาสร้างความครื้นเครงและเรียกเสียงหัวเราะจากเด็กๆ
                นอกจากนี้ยังได้ทึ้งกับวิถีคาวบอยไทย ชมการสาธิตคล้องบ่วงบาศบนคอวัว รู้จัการบังคับม้าพยศ ดื่มด่ำบรรยากาศแค้มปิ้งแบบบูติกฟาร์ม นอนในแค้มป์ติดแอร์ที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย อิ่มเอมกับาร์บีคิวยามค่ำคืน และตื่นขึ้นมาในยามเช้าด้วยอารมณ์เบิกบาน ขานรับความสุขของทุกคนในครอบครัวกันอย่างเต็มอิ่ม

อร่อยประจำถิ่น
·        ร้านอาหารอร่อยของที่นี่คือ โชคชัยสเต็กเฮาส์ เสิร์ฟเนื้อโคขุนที่ผ่านการหมักบ่มมาอย่างดี นำมาทำเป็นสเต็กหลากหลายเมนูได้ทาน ตบท้ายด้วยไอศครีมนมสดแท้ๆ รับรองว่าถูกใจคุณหนูอย่างแน่นอน

รู้ก่อนเดินทาง
·        ฟาร์มโชคชัยเหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงสั้นๆ เพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 160 กิโลเมตร ขับรถไปไม่ถึง 2 ชั่วโมงบนถนนมิตรภาพ คุณก็จะได้สัมผัสดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบคาวบอยไทย
·        ฟาร์โชคชัย สำนักงานใหญ่: โทร 02-532 2846 หรือ www.farmchokchai.com


ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส
READ MORE - ผจญภัยในทุ่งกว้าง ตามแบบวิถีคาวบอยไทย ฟาร์มโชคชัย นครราชสีมา

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ชมแสงสุดท้าย ของแดนสยามที่สิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน พังงา


 ดื่มด่ำกับความรู้สึก ท่ามกลางแสงทองสุดท้าย ที่อาบพราวระยิบของท้องทะเลอันดามัน.... ณ จุดสูงสุดของยอดเกาะสี่...สิมิลัน เกาะสวรรค์กับความงามที่ไม่เคยสูญสิ้นไปตามกาลเวลา

บนหาดทรายขาวที่ทอดยาวสู่กลางทะเลสีฟ้าใส ปล่อยให้กลิ่นอายของความสุขคลุกเคล้าไปกับสายลม บรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นได้ที่ หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา หมู่เกาะที่ได้ขึ้นชื่อว่า มีปะการังน้ำลึกที่สวยงามที่สุดแห่หนึ่งในประเทศไทย สิมิลัน เป็นภาษายาวี แปลว่า เก้า หมายถึงหมู่เกาะทั้งเก้าที่เรียงตัวอยู่ด้วยกันกลางทะเลอันดามันแห่งนี้...และมีน้องใหม่คือเกาะตาชัย และเกาะบอน ที่เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกของ หมู่เกาะสิมิลัน เมื่อไม่นาน ไม่ใช่แค่ความงามบนพื้นดิน บนผิวน้ำที่มองเห็นและสัมผัสได้ด้วยตาเปล่าก็ใสราวกับกระจกและงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ ความสมบูรณ์ของปะการัง และสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลของ สิมิลัน ยังเป็นที่เลื่องชื่อลือชาในหมู่นักดำน้ำทั่วโลกว่าต้องมาดูให้เห็นกับตาสักครั้ง
ยามบ่ายคล้อย กิจกรรมที่น่าสนใจที่สุดคือการได้ไปนั่งทอดอารมณ์ ทบทวนความคิด ความรู้สึก อาบแสงทองชมพู และชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ จุดชมวิว จุดสุดท้ายของแผ่นดินไทย ที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า  บนเกาะสี่ ของสิมิลัน หรือถ้าอยู่ที่เกาะแปด ก็ให้ปีนขึ้นไปบนเหินเรือใบ จะได้ เห็นภาพหมู่เกาะน้อยใหญ่และทะเลอันดามันไกลสุดลูกหูลูกตา ทั่วอณูของท้องฟ้ากว้าง ทั่วขอบเขตของท้องทะเลไทย ถึงแม้จะเต็มไปด้วยการอำลาอาลัย แต่นั่นคือสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ที่กำลังจะตามมา.......

อร่อยประจำถิ่น
·        บนเกาะสี่ และเกาะแปด มีร้านอาหารสวัสดิการคอยบริการตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.ทุกวัน ถ้าให้ดีลองชิมอาหารพื้นเมืองทางใต้ เช่น แกงส้ม (แกงเหลือง) กับไข่เจียว รับรองจะติดใจ

รู้ก่อนเดินทาง
·        ปิดเกาะ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน- 15 พฤศจิกายน ของทุกปี แต่หากมีมรสุมเข้าก่อนกำหนด ทางอุทยานจะประกาศปิดเกาะก่อน ขอให้ตรวจเช็คอีกครั้ง โทร.076 595 045
·        เกาะที่สามารถพักค้างแรมได้ คือ เกาะสี่ และเกาะแปด จะมีบ้านพัก เต็นท์และร้านค้าสวัสดิการไว้บริการ

ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส
READ MORE - ชมแสงสุดท้าย ของแดนสยามที่สิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน พังงา

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ชมแกรนด์ แคนยอน เมืองสยาม ภูผาแห่งบาดาล ที่โผล่พ้นน้ำ แก่งหินสามพันโบก อุบลราชธานี


                พลังแห่งธรรมชาติ บางครั้งอัศจรรย์เหนือคำบรรยาย ถ้าชื่นชอบความแปลกที่แตกต่าง คงไม่มีที่ใดสวยงามแปลกตา เท่ากับแก่งหินสามพันโบก แกรนด์ แคนยอน แห่งเอเชีย

                สายน้ำอันเชี่ยวกราก หมุนวน ที่กัดเซาะแก่งหินผา เกิดเป็นความงดงามอันวิจิตร แก่งหินใต้ลำน้ำโขงที่จมหายไปในบาดาลเมื่อฤดูน้ำหลาก ด้วยแรงแห่งสายน้ำที่กัดเซาะอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นานกว่าพันปี ทำให้หินที่แข็งแกร่งกร่อนลงจนกลายเป็นแอ่งน้อยใหญ่ กว่าสามพันแอ่ง จึงถูกขนานนามว่า สามพันโบก ในฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอด แก่งหินสามพันโบก จะโผล่น้ำอวดสายตา ให้เห็นความแข็งแกร่งอลังการของภูเขาอันยิ่งใหญ่กลางลำน้ำโขง จนกลายเป็นภาพงานศิลปะอันล้ำเลิศกลางลำน้ำ บางส่วนคล้ายรูปดาว วงรี หรือแม้แต่หัวสุนัข ดูสวยงามแปลกตา

                นอกจากจะดูด้วยสายตาที่ริมฝั่งน้ำแล้ว ยังสามารถล่องเรือไปชมในระยะใกล้ได้ เรือจะพาเราล่องเรื่อยตามแม่น้ำโขง จากหาดสลึง หาดทรายสีขาวที่ทอดยาวริมแม่น้ำโขง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ชมทิวทัศน์สองฝั่งโขงที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยฝูงปลาน้อยใหญ่ ซึมซับวิถีชีวิตของชาวประมง ตกเย็นทอดชม พระอาทิตย์ตกริมน้ำ ช่างเป็นความสุขที่เรียบง่ายแต่สุดแสนจะงดงาม

                           

อร่อยประจำถิ่น
  • มาอุบลฯ ทั้งที่อย่าลืมซื้อหมูยออุบล เป็นของฝากติดมือกลับบ้าน ที่ร้าน 111 (ตองหนึ่ง) ถนนพโลชัย โทร.045 261 552 หรือร้านแม่ฮายที่อยู่ติดกัน โทร.045 254 763
  • ร้านกกขาม ถนนสายเลี่ยงเมือง อ.เมือง ใกล้สะพานคูเดื่อ โทร. 045 261 121 อาหารเด่น ปิ้งทาเกลือ ปิ้งไก่บ้าน
รู้ก่อนเดินทาง
·        ในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ จะมีประเพณีแข่งตักปลา ซึ่งนับว่าเป็นประเพณีที่ยังคงเหลืออยู่แห่งเดียวในประเทศไทย



ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

READ MORE - ชมแกรนด์ แคนยอน เมืองสยาม ภูผาแห่งบาดาล ที่โผล่พ้นน้ำ แก่งหินสามพันโบก อุบลราชธานี

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เดินเล่นบนสะพานไม้ที่ยาวที่สุด ในดินแดนมอญ สะพานไม้สังขละบุรี กาญจนบุรี

สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น เดินทอดน่องบนสะพานไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย ที่เชื่อมโยงชาวไทยและชาวมอญเข้าด้วยกันที่อำเภอสังขละบุรี

 
ตื่นตาไปกับสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานไม้สังขละบุรี สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในสยามและเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของสังขละบุรี ในแต่ละวันมีผู้คนมากมายมาเยี่ยมชมสะพานแห่งนี้ ที่ซึ่งทอดข้ามลำน้ำซองกาเลีย ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงามของสังขละบุรี
สะพานไม้สังขละบุรี อาจถือว่าเป็นสะพานมิตรภาพระหว่างชาวไทยและชาวมอญ เนื่องจากเชื่อมโยงอำเภอสังขละบุรีและหมู่บ้านของชาวมอญเข้าด้วยกัน จึงมีชื่อเรียกสั้นๆ อีกชื่อหนึ่งว่า สะพานมอญ ในอดีตหลวงพ่ออุตตมะแห่งวัดวังวิเวการาม ซึ่งชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งกะเหรี่ยง ต่างเคารพนับถือนั้น ได้เป็นผู้นำและดำเนินการสร้างสะพานไม้นี้ขึ้น จากความร่วมแรงร่วมใจของชาวหมู่บ้านมอญ ที่มีศรัทธาต่อองค์ท่านอย่างล้นเปี่ยม โดยกล่าวว่าท่อนไม้ใหญ่ที่นำมาใช้นั้นส่วนหนึ่งนำมาจากต้นไม้ที่ยืนต้นตายอยู่ใต้เขื่อนเขาแหลมนั่นเอง

ในปัจจุบันนอกจากสะพานไม้ที่มีความยาวมากกว่า 900 เมตรแห่งนี้ ใช้เป็นทางสัญจรของชาวมอญที่ข้ามไปมาเพื่อทำบุญที่วัดวังวิเวการาม ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ เคยจำพรรษาอยู่เมื่อท่านยังไม่ละสังขาร ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมมาเดินข้ามไป เพื่อไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวมอญ ที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของสะพาน

อร่อยประจำถิ่น
  • บริเวณเชิงสะพานมอญนั้น มีแพมิตรสัมพันธ์ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องปลา โดยมีเมนูอาหารที่น่าชิม อย่าง ต้มยำปลากด แกงพริกกะเหรี่ยง ลูกชิ้นปลากราย โทร.034595261
  • อีกร้านที่แนะนำคือร้านศรีแดง ร้านอาหารร้านแรกของสังขละบุรี อยู่ใกล้ตลาดสดสังขละบุรี ที่มีเมนูปลาน้ำจืดน่าทาน โทร.034595088

รู้ก่อนเดินทาง

  • หากต้องการชมสะพานไม้จากทะเลสาบ สามารถนั่งเรือหางยาวเที่ยว พร้อมชมความงามของทะเลสาบเขื่อนเขาแหลมได้ โดยขึ้นเรือที่ใต้สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ใช้เวลาราว 1 ชม. 30 นาที ค่าบริการราว 200-300 บาท


ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส


READ MORE - เดินเล่นบนสะพานไม้ที่ยาวที่สุด ในดินแดนมอญ สะพานไม้สังขละบุรี กาญจนบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขอพรให้มิตรภาพ และความรักนั้นเป็นนิรันดร์ พระธาตุศรีสองรัก จ.เลย

สุดแดนแห่งจังหวัดเลย คือพระธาตุศรีสองรัก ที่เป็นพยานแห่งสัจจะไมตรีของสองอาณาจักรใครได้มาไหว้พระธาตุศรีสองรักนี้ เชื่อว่าความรักและสัมพันธภาพนั้นจะมั่นคงสืบไป

เลย เป็นจังหวัดทางภาคอีสานตอนเหนือ มีภูมิประเทศที่งดงามด้วยเทือกภูที่สลับซับซ้อน ประกอบกับภูมิอากาศที่แสนสบาย ชวนให้ดินแดนแห่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้มาเยือนอยู่เสมอ ที่นี่ยังคงเป็นที่ประดิษฐานของ พระธาตุศรีสองรัก อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของทั้งชาวไทยและชาวลาวมานานกว่าสี่ศตวรรษ

พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยู่ที่อำเภอด่านซ้าย เป็นพระธาตุก่ออิฐถือปูนสีขาวสร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบล้านช้าง ตามตำนานกล่างว่า...ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และเครื่องหมายแห่งมิตรภาพระหว่างสองอาณาจักร โดยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ซึ่งได้ร่วมกันสร้างพระธาตุและตั้งสัตยาธิษฐานไว้ว่าจะช่วยเหลือเกื้อกูล และไม่ล่วงล้ำดินแดนซึ่งกันและกันตลอดไป
อร่อยประจำถิ่น

  • ที่อำเภอด่านซ้าย มีน้ำพริกแจ่วดำน้ำผักสะทอน เป็นอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ และเป็นของฝากที่หาทานได้ยากมีกลุ่มเป้าหมายเกษตรกรบ้านนาดี อำเภอด่านซ้ายร่วมกันผลิตจำหน่าย สนใจหาซื้อได้ที่ร้าน OTOP ในจังหวัดเลย

รู้ก่อนเดินทาง
  • มีความเชื่อกันว่าหากนำต้นผึ้งไปขอพรพระธาตุศรีสองรัก แล้วจะสมความมุ่งมาดปรารถนา แต่ควรงด สักการะด้วยดอกไม้ และของบูชาสีแดง รวมทั้งงดใส่เสื้อสีแดงไปบูชาพระธาตุ เพราะถือเป็นสีแห่งเลือดและความรุนแรง


ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส


READ MORE - ขอพรให้มิตรภาพ และความรักนั้นเป็นนิรันดร์ พระธาตุศรีสองรัก จ.เลย

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

งานบวชนาค ของชาวไทยใหญ่ ที่สืบทอดมาแต่โบราณ ประเพณีปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน


ปอยส่างลอง หรือ ประเพณีบวชลูกแก้ว ของชาวไทยใหญ่ เป็นการบรรพชาสามเณรให้สืบทอดในพระพุทธศาสนา และเพื่อเรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โดยมีความเชื่อว่า....ถ้าลูกของใครได้บวชเป็นสามเณรจะได้รับอานิสงส์อันแรงกล้า


และเมื่ออายุย่างเข้า 9 ปี ครอบครัวที่มีลูกชายจะนิยมให้ลูกบวชเรียน เพราะถือว่าลูกชายยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ พิธีนี้จะมีการแต่งตัวให้นาคอย่างงดงามคล้ายเจ้าชายไทยใหญ่ ใส่เครื่องทรงคล้ายกษัตริย์ เมื่อเข้าขบวนแห่ก็ให้ขึ้นหลังม้า กางสัปทน(ร่ม) จัดขบวนแห่อย่างงดงามไปบวชที่วัด มีการจุดบั้งไฟเฉลิมฉลอง หลังจากบวชเรียนเป็นสารเณรเรียบร้อยก็จะศึกษาเล่าเรียนพุทธศาสนาอยู่ที่วัด พออายุได้ประมาณ 19 ปี ก็ลาสิกขา
 
นับเป็นการปลูกฝังให้ลูกหลานได้เรียนรู้พระพุทธศาสนาตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อกล่อมเกลาจิตใจและอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี เป็นพุทธมามกะที่สืบสานพระพุทธศาสนาต่อไป

อร่อยประจำถิ่น
  • ใครชอบข้าวซอยต้องร้านข้าวซอยป้านูญ อยู่แถวถนนผดุง ม่วยต่อ ในตัวเมือง เปิด 07.00-16.00 .
  • อาหารชื่อแปลกอีกอย่างคือ ข้าวกั้นจิ๊น เจ้าอร่อยต้องที่ ร้านป้าศรีบัว อยู่ถนนสิงหนาทบำรุง ใกล้ตลาดสายหยุด เปิด 09.00-20.00 .

รู้ก่อนเดินทาง
  • ประเพณีบวชลูกแก้วหรือประเพณีปอยส่างลอง มีระหว่าง เดือนมีนาคม -เมษายน ระยะเวลา 3-7 วัน มักจัดกันที่ อ.ขุนยวม อ.ปาย และ อ.เมือง


ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส


READ MORE - งานบวชนาค ของชาวไทยใหญ่ ที่สืบทอดมาแต่โบราณ ประเพณีปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาบน้ำแร่ แช่ไข่ไก่ สนุกได้ทั้งครอบครัว น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ลำปาง


น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน นอกจากคุณจะได้บำบัดความเมื่อยล้าของร่างกายด้วยสายน้ำแร่ร้อนๆ จากธรรมชาติแล้ว ความสนุกจากการแช่ไข่ไก่ ที่พลังความร้อนของน้ำทำให้ไข่ไก่เกิดรสชาติมันอร่อย เที่ยวออกรสเช่นนี้คงไม่มีที่ใดเสมอเหมือน


กลิ่นกำมะถันอ่อนๆ โชยขึ้นเหนือผิวดินของ น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปราศจากซึ่งอันตรายใด ๆ ที่นี่จึงเป็นอีกสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของครอบครัวที่ใส่ใจต่อสุขภาพ เพราะสามารถสัมผัสความสุขได้กับทุกเพศทุกวัย น้ำพุร้อนทั้ง 9 บ่อ ในพื้นที่ 3 ไร่ ที่กระจัดกระจายด้วยโขดหินน้อยใหญ่กรุ่นกลิ่นไอน้ำลอยขึ้นมาจากบ่อ บางครั้งแลดูหนาแน่นราวกับเป็นสายหมอกยามเช้า ภาพเช่นนี้ใครมาเห็นเข้าคงเผลอใจตกหลุมรักเข้าได้ง่ายๆ

ความร้อนของน้ำมีอุณหภูมิประมาณ 73 องศาเซลเซียส เด็กๆ จึงมักนำไข่ไก่และไข่นกกระทามาแช่ ถ้าไข่ไก่แนะนำให้แช่นาน 17 นาที ไข่แดงจะแข็งมีรสชาติมันอร่อย ส่วนไข่ขาวจะเหลวคล้ายไข่เต่าเท่านี้ก็เรียกรอยยิ้มของหนูน้อยได้ไม่ยาก ขณะที่คุณพ่อคุณแม่ขอปลีกตัวไปอาบน้ำแร่ ที่มีให้เลือกทั้งแบบลงแช่ทั้งตัว 11 ห้อง และตักอาบ 16 ห้องแยกชายหญิงอย่างเป็นสัดส่วน ในอุณหภูมิกำลังดีที่ 39-42 องศาเซลเซียส พลันที่ได้แช่ลงในน้ำอุ่นจะรู้สึกได้ถึงความเมื่อยล้าของร่างกายที่อันตรธานหาย เรียกความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าคืนกลับมาแถมยังรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้อีก สุขได้ทั้งพ่อแม่ลูกอย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่าดีต่อสุขภาพของครอบครัวอย่างแท้จริง


อร่อยประจำถิ่น
  • อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีร้านค้าสวัสดิการบริการทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้กับนักท่องเที่ยว ในบรรยากาศเรียบง่าย ราคาสบายกระเป๋า และในบางฤดูกาลอาจมีน้ำผึ้งป่าจำหน่ายอีกด้วย

รู้ก่อนเดินทาง
  • แม้อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศเย็นสบายที่สุดเฉลี่ย 22 องศาเซลเซียส
  • สามารถพักค้างคืนหรือกางเต็นท์พักแรม ติดต่ออุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทร.054-380000


ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

READ MORE - อาบน้ำแร่ แช่ไข่ไก่ สนุกได้ทั้งครอบครัว น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ลำปาง

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ชมดอกไม้งาม ทำความรู้จักกับผืนป่า เดินศึกษาธรรมชาติ ภูฟอยลม อุดรธานี


สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ กางเต็นท์ ปักสมอบก นั่งร้องเพลงรอบกองไฟ อิ่มเอมใจไปกับบรรยากาศอันบริสุทธิ์ ที่ภูฟอยลมแห่งนี้เหมาะสมเป็นที่สุด
 
ภูฟอยลม แห่งนี้ ตั้งชื่อตามไลเคนซึ่งมีมากในป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีความชื้นสูง ซึ่งปัจจุบันแทบจะสูญพันธ์ไปตามความเสื่อมของป่า ที่นี่จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติเชิงนิเวศน์ เพื่อฟื้นฟูป่า ซึ่งเปิดกว้างให้ทุกคนได้มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สัมผัสความงดงามของผืนป่า และเพื่อปลูกฝังเมล็ดพันธ์แห่งการอนุรักษ์ให้เกิดขึ้น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย ที่นี่เส้นทางจักรยานเสือภูเขา ให้ปั่นชมป่าเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศหรือจะเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ชมน้ำตกธารงาม ใครไม่ชอบการผจญภัย จะเดินเล่นชมสวนดอกไม้นานาพันธุ์ หรือจะชมแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจรอบๆ บริเวณ ก็สุขใจดีไม่น้อย เพราะที่นี่มีโครงการอุทยานก่อนประวัติศาสตร์ เส้นทางไดโนเสาร์ อาคารพิพิธภัณฑ์ที่ปั้นรูปไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ ขนาดเท่าของจริงมีหุ่นจำลองวิวัฒนาการของมนุษย์ และนาฬิกาแดดซึ่งใช้แสงอาทิตย์เป็นเข็มนาฬิกา
อร่อยประจำถิ่น

  • บนภูฝอยลมมีร้านอาหารแสนอร่อยไว้บริการหรือถ้ามีโอกาส แวะเข้าตัวเมืองก็แวะไปรับประทานอาหารสมุนไพรที่ร้านสวนอาหารบ้านแจ๋วแหวว ถนนชัยภูมิ-บ้านเขว้า อร่อยแถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

รู้ก่อนเดินทาง
  • หน้าหนาวที่นี่จะหนาวมากเตรียมเสื้อหนาๆ ไปด้วยจะได้อบอุ่นทั้งกายและใจ



ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

READ MORE - ชมดอกไม้งาม ทำความรู้จักกับผืนป่า เดินศึกษาธรรมชาติ ภูฟอยลม อุดรธานี

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นอนชมแสงจันทร์ คลอเสียงคลื่น เวิ้งอ่าวไร่เล หาดไร่เล กระบี่

ริมหาดทรายขาวละเอียด ท่ามกลางเสียงกระซิบของทิวคลื่น นอนทอดอารมณ์ภายใต้ เงาจันทร์ เสียงแผ่วเบาของสายลม ราวกับเป็นคำสัญญาว่า ความงดงามเช่นนี้ จะอยู่คู่หาดไร่เล ตลอดไป
 

ณ หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งหนึ่งในตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ล้อบรอบด้วยธรรมชาติภูเขา หินปูนและผาสูงชัน ทำให้การเดินทางมาหมู่บ้านนี้ ต้องอาศัยการนั่งเรือเพียงอย่างเดียว หมู่บ้านนี้มีหาดทรายสวยงามเนื้อละเอียดชื่อ หาดไร่เล ซึ่งยังไม่เป็นที่คุ้นหูกับคนไทยนัก แต่หารู้ไม่ว่าที่นี่ เป็นที่ที่หลายคนอุตสาห์ข้ามน้ำ ข้ามทะเลจากแดนไกล เพื่อจะบันทึกความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยได้สัมผัสบรรยากาศโรแมนติก ชมจันทร์สวย ปีนหน้าผาสูง ที่อ่าวไร่เล

ที่นี่....น้ำทะเลสีมรกต เวิ้งหาดทรายเนียนนุ่มของไร่เล โค้งตัวยาวไปตามแนวเขา ยามบ่ายนั่งเรือโทง เรือประมงท้องถิ่นที่ชาวบ้านพร้อมใจกันอนุรักษ์ไว้ ไปเที่ยวถ้ำพระนาง อนุสรณ์ตำนานรักระหว่างหญิงสาวและพญานาค หรือจะแค่นอนแช่น้ำทะเลสีฟ้าใสก็สุขใจพอกัน หากใครที่ชื่นชอบแนวผจญภัย ไร่เลโด่งดังมากในเรื่องกิจกรรมปีนหน้าผา มีทีมงานฝีมืออาชีพคอยดูแล เย็นย่ำค่ำลง...บรรยากาศที่ หาดไร่เล งดงามยิ่งนัก โดยเฉพาะคืนจันทร์เต็มดวง แสงสีหวานของพระจันทร์จะอาบไล้ผิวนวลของท้องทะเลกว้าง สะท้อนให้เห็นภาพดวงจันทร์สองดวงอยู่คู่กัน เป็นความงดงามและความโรแมนติกที่ยังคงอยู่คู่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ตลอดไป


อร่อยประจำถิ่น
    • ที่อ่าวนาง ทานอาหารทะเลสดๆ ที่ร้าน “วังทราย” เมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้คือ หอยชักตีน กุ้งเผาเนย ปลาหมึกย่าง
    • ไปถึงกระบี่ต้องลอง หอยชักตีนลวกสดๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำพริกกุ้งเสียบ แกงส้มปักษ์ใต้ แกล้มด้วยผักเลียง ผัดไข่ เข้าร้านไหนถามได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง
รู้ก่อนเดินทาง
    • ควรหาโอกาสเช่าเรือออกไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ เช่น เกาะไก่ เกาะทัพ เกาะห้อง เกาะปอดะ ทะเลแหวก ซึ่งสามารถไปได้ทุกที่ในวันเดียว จะพายเรือแคนนู หรือเรือคายัคที่อ่าวท่าเลน ลัดเลาะไปตามชายป่าโกงกาง หรือรอบหมู่เกาะห้อง กิจกรรมปีนเขาที่ไร่เล ใครไปใครมา ต้องหาโอกาสไปลองซักครั้ง
    • ช่วงฤดูท่องเที่ยวของไร่เล จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน
      - ช่วงเดือนพฤศจิกาย เดินทางได้สะดวกที่อ่าวนาง
      - ช่วงฤดูมรสุม เดือน พฤษภาคม-ตุลาคม เดินทางได้สะดวกที่อ่าวน้ำเมา

ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

READ MORE - นอนชมแสงจันทร์ คลอเสียงคลื่น เวิ้งอ่าวไร่เล หาดไร่เล กระบี่

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ดูเมเปิลผลัดใบท่ามกลางสายลม แห่งเหมันต์ ภูกระดึง เลย

ลมหนาวพัดมาอีกแล้ว เหมือนกับจะชุบชีวิตให้ผืนป่าแห่งนี้ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเฝ้ารอคอยการมาเยือนของผู้ที่รักและหลงใหลในธรรมชาติแห่งแมกไม้และขุนเขา

ภูกระดึง ภูเขาแห่งระฆังแห่งนี้ ดังก้องในเรื่องของความงดงาม เพียงแค่เราได้สาวเท้าเพื่อเดินทดสอบกำลังใจ กับเส้นทางการเดินทางที่ค่อนข้างสูงชัน ก็ทำให้เราพิสูจน์และท้าทายความสามารถของตัวเอง และยิ่งได้พิชิตภูได้สำเร็จ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุด เพราะรางวัลแห่งความสำเร็จที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า คือภาพอันงดงามของขุนเขาตระหง่านกลางทะเลหมอก ป่าไม้อันอุดมและชุ่มฉ่ำ ช่วยทำให้หายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้ง

และยิ่งได้เดินเที่ยวไปตามเส้นทางแห่งสายน้ำตกลัดเลาะไปตามป่าดงดิบ นอกจากจะได้พบกับน้ำตกสวยๆ แล้ว ยังได้สัมผัสกับความงดงามของต้นเมเปิลที่ต่างพากันผลัดใบในป่าดงดิบด้านเหนือ ที่เปลี่ยนเฉดสีจากสีเขียวกลายเป็นสีแดงท่ามกลางลมหนาย สวยงามน่าประทับใจ และเส้นทางนี้ยังมีนกสวยๆ บินอวดโฉมให้ดูเป็นระยะๆ และให้รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้มีนัดสำคัญแต่เช้าตรู่ รออยู่ที่ผาหล่มสัก เพื่อไปรอรับพระอาทิตย์ยามเช้า ได้นั่งเอิบอิ่มกับแสงแห่งอรุณรุ่ง ถ่ายภาพบนชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา โดยมีสนต้นหนึ่งแผ่กิ่งก้านเป็นฉากหลัง ถือเป็นรางวัลอีกชิ้น เอาเก็บไว้เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม


อร่อยประจำถิ่น
  • มาถึงอีสานทั้งที เหนื่อยมาทั้งวัน อย่าลืมแวะทานอาหารรสแซบแบบอีสาน แท้ๆ ประเภท ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก ลาบ อ่อม ที่ร้านคนเมืองเลย ถนนเลยเชียงคานในตัวจังหวัดเลย รสแซบอย่าบอกใคร


รู้ก่อนเดินทาง
  • ดูเมเปิลผลัดใบในฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
  • เคล็ดลับสำหรับการเดินขึ้นภูโดยไม่เหนื่อยก็คือ ควรออกเดินตั้งแต่เช้าเพราะอากาศจะไม่ร้อน ค่อยๆ เดินเหนื่อยก็หยุกพัก ข้อดีของการไม่รีบร้อนก็คือคุณจะได้เห็นสิ่งน่าสนใจไปตลอดทาง



ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

READ MORE - ดูเมเปิลผลัดใบท่ามกลางสายลม แห่งเหมันต์ ภูกระดึง เลย

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มากระตุ้นความคิดและค้นพบอย่างไม่รู้จบที่มิวเซียมสยาม

มากระตุ้นความคิดและค้นพบอย่างไม่รู้จบที่มิวเซียมสยาม
มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร

หากเคยคิดว่า....คนไทย คือใคร มาจากที่ไหน และมีความหมายเช่นไร ลองค้นคำตอบนี้ได้ตัวเอง ที่มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้แห่งใหม่ล่าสุด ที่ช่วยจุดประกายความอยากรู้ สู่การค้นพบความคิดใหม่ที่ไม่รู้จบ


มิวเซียมสยาม ตั้งอยู่ที่อาคารกระทรวงพาณิชย์หลังเดิม ย่านท่าเตียน ซึ่งถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เต็มรูปแบบ บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ซึ่งจัดนิทรรศการถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ค้นหาคำตอบของความเป็นไทย จากเรื่องราวของสุวรรณภูมิมาถึงสยามประเทศ สู่ประเทศไทย ที่จะพาคุณร่วมเดินทางย้อนสู่อดีตจนมาสู่ยุคปัจจุบัน


มิวเซียมสยาม จะสร้างประสบการณ์ใหม่ของการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ มีรูปแบบการนำเสนอที่ล้ำหน้า ด้วยสื่อผสมทั้งแบบจำลอง ภาพเคลื่อนไหว และวัสดุจัดแสดงที่จับต้องได้ โดยบูรณาการขององค์ความรู้หลากหลาย ทั้งประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา การจัดนิทรรศการจะเน้นที่การมีปฏิสัมพันธ์ของผู้เข้าชม

นอกจากนิทรรศการถาวรแล้ว ยังมีการจัดนิทรรศการชั่วคราว ที่จะผลัดเปลี่ยนไปกับประเด็นใหม่ๆ รวมถึงพื้นที่ให้บริการ เพื่อต่อยอดความรู้และสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่สนุกสนานเพลิดเพลินสำหรับคนทุกเพศทุกวัยอีกด้วย วันนี้พิพิธภัณฑ์ในเมืองไทยจะไม่ได้เป็นเพียงสถานที่เก็บของเก่า และข้อมูลที่ล้าสมัยอย่างที่ใครๆ คิดอีกต่อไป


อร่อยประจำถิ่น
  • ย่านท่าเตียนมีร้านอาหารอร่อยที่ชื่อโคโคนัท ปาล์ม ตรงข้ามตั้งตรงจิตรพณิชยการ มีรายการอาหารไทยหลากหลาย เช่น แกงเลียงกุ้งสด และแกงส้มผักรวมกุ้ง อิ่มแล้วล้างปากด้วยขนมหวาน อย่างข้าวฟ่างเปียก หรือลูกเดือยเปียก หวานมันกำลังดี หรือร้านริมน้ำ บรรยากาศดีก็มีให้เลือกมากมาย

รู้ก่อนเดินทาง

  • มิวเซียมสยาม เปิดชมให้เข้าชมฟรีในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ระหว่างเวลา 10.00-18.00 .
  • ทุกวันศุกร์จะมีกิจกรรมพิเศษที่ลานเพลินหมุนเวียนกันไปสอบถามรายละเอียด โทร.02-225 2777

ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

ที่มาของบทความ
หนังสือ 102 เที่ยวออกรส

READ MORE - มากระตุ้นความคิดและค้นพบอย่างไม่รู้จบที่มิวเซียมสยาม